ความมหัศจรรย์ของสมองอยู่ที่ ทำให้คนเรามีการเรียนรู้ได้ จดจำสิ่งต่างๆได้ แต่สมอง
ก็ไม่ได้มีความพิเศษกว่าอวัยวะอื่น ที่ยังคงจะต้องมีการเสื่อมและถดถอยตามกาลเวลาพัฒนาการของสมองคนเราเริ่มขึ้นตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์มารดา และมีพัฒนาการเรื่อยมา
จนถึงวัยผู้ใหญ่ เมื่ออายุ 50 - 60 ปี ความสามารถในการทำงานของสมองก็จะเริ่มถดถอยลง
เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "คนแก่เรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็ก" แต่เพียงแค่ความสามารถในการเรียนรู้
และจดจำที่ช้าลงเช่นนี้ ยังไม่เรียกว่าสมองเสื่อม เพราะเป็นเรื่องปกติของคนเราเมื่ออายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ความสามารถในการทำงานของสมองถดถอยลงอย่างมากในหลายๆด้าน
จนกระทบถึงความสามารถที่ต้องใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน จึงจะเรียกว่าสมองเสื่อม เราจะพบว่า
คนสมองเสื่อมจะมีความจำบกพร่อง หลงลืมง่าย สิ่งที่เคยจำได้ก็จะจำไม่ได้ ความจำสั้น แม้เวลาจะผ่านไปไม่นานก็ลืม เช่น กินข้าวไปแล้วก็ว่ายังไม่ได้กิน ถ้าเป็นมากก็จะจำลุกหลานของตัวเองไม่ได้
บ่อยครั้งที่เราจะเห็นคนสมองเสื่อม พูดแล้วพูดอีกในเรื่องเดิมๆ หรือถามเรื่องเดิมซ้ำๆ อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะความจำเสื่อมความสามารถด้านต่างๆของคนสมองเสื่อมที่เคยมีก็จะถดถอยลง เคยคิดเลขทอนเงินขายของได้ก็จะทำไม่ได้ เรียกชื่อคนหรือสิ่งของผิดๆ ถูกๆ กิจกรรมที่เคยทำได้ก็จะทำไม่ได้
เช่น เคยไปตลาดซื้อกับข้าวเองได้ ก็จะไปไม่ได้เพราะซื้อไม่เป็น ที่เคยอาบน้ำแต่งตัวเองได้ ก็จะทำไม่ได้
บางครั้งก็จะพบว่าคนสมองเสื่อมมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ได้น้อยลง อาจร้องไห้ง่าย หงุดหงิดง่าย หรือโกรธรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และถ้าสมองเสื่อมมากอาจมีการรับรู้บิดเบือน เช่น เห็นขโมยเข้าบ้านทั้งๆที่ไม่มีขโมย ถ้าคนที่คุณรักหรือรู้จัก มีอาการดังกล่าวข้างต้นอยู่บ่อยๆ หรือเป็นระยะเวลานาน ให้สงสัยว่าเขาอาจจะมีภาวะสมองเสื่อม ให้พาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่นอน และเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
ภาวะสมองเสื่อมบางกรณีอาจมีสาเหตุที่ชัดเจน และสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ เช่น สมองเสื่อมจากน้ำหล่อเลี้ยงสมองคั่ง สมองเสื่อมจากฮอร์โมนธัยรอยด์ผิดปกติ แต่ภาวะสมองเสื่อมจำนวนมากก็ไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน หรือพบสาเหตุแต่ไม่มี่วิธีทำให้หายกลับมาเป็นปกติได้เหมือนเดิม เช่น ตรวจพบว่าเซลล์สมองฝ่อ หรือเส้นเลือดสมองอุดตัน กรณีเหล่านี้ การรักษาจะเป็นแบบประคับประคอง
วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ ความจำสั้น
1.การนั่งสมาธิหรือกรรมฐาน เป็นที่รู้กันแล้วว่าการฝึกกรรมฐานทำให้ใจสงบ มีสมาธิ ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น จากการวิจัยในประเทศอุตสาหกรรมพบว่า ทำให้ผลผลิตของพนักงานในบริษัท ในโรงงานดีขึ้น การลาป่วยขาดงานของพนักงานน้อยลง จนบริษัทใหญ่ๆ เช่น บริษัทรถยนต์ฟอร์ด และบริษัทใหญ่ๆ อีกหลายแห่งที่สหรัฐฯ รับเอาการฝึกกรรมฐานไปใช้กับพนักงานมากขึ้น ทุกวันนี้ชาวตะวันตกสนใจวิชากรรมฐานมากขึ้น จึงมีการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นตามไปด้วย
เมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาโดยการตรวจสแกนสมองอาสาสมัคร 20 คน ที่ทำกรรมฐานเป็นประจำวันละ 40 นาที เขาพบว่าสมองส่วนเปลือกนอก (Cortex) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลล์สมองมากมีขนาดหนาขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้ทำกรรมฐาน อันนี้เป็นหลักฐานพิสูจน์ทางกายภาพที่ชัดเจนว่าการฝึกกรรมฐานมีผลดี สามารถต้านความเสื่อมของสมองได้ คนที่ต้องการลดความเสื่อมของสมองจึงควรฝึกหัดทำกรรมฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิปัสสนากรรมฐานของพระพุทธเจ้า ซึ่งรู้กันมานานแล้วว่ามีผลดีต่อจิตใจ และเราเพิ่งรู้กันตอนนี้ว่ามีผลดีต่อกายภาพของสมองด้วย
2. อาหารสมอง เป็นสิ่งที่มีการพูดถึงกันมานาน มี การเอาสารเสริม-อาหารมาขายกันมาก บางอย่างเขาก็อ้างว่าทำให้สมองดีขึ้น ความจำดีขึ้น แต่ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจน ระยะหลังนี้มีข้อมูลจากการวิจัยมากขึ้น หมอแอนดรู วีล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแพทย์ทางเลือก เขียนแนะนำเรื่องอาหารสมองไว้หลายอย่าง เช่น เนื้อปลา น้ำมันปลา ขมิ้น ผักผลไม้ วิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม คาโรตีนอยด์
3. กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 Fatty Acid) ที่อยู่ในน้ำมันปลามีคุณสมบัติบำรุงสมองได้ ทั้งนี้เพราะสารตัวนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์สมอง ถ้าขาดไปจะทำให้เซลล์สมองอ่อนแอ เป็นโรคได้ง่าย อาหารของชนชาติญี่ปุ่น และเมดิเตอเรเนียน ทำให้คนของเขาอายุยืนล้วนมีกรดไขมันโอเมก้า 3 มาก เนื่องจากมีเนื้อปลาอยู่มาก ผู้รู้จึงแนะนำให้กินเนื้อปลาบำรุงสมองมากกว่าเนื้อสัตว์อย่างอื่น คนที่ไม่ถนัดกินเนื้อปลาก็อาจจะใช้น้ำมันปลาที่ทำขายเป็นเม็ด (แต่ไม่ใช่น้ำมันตับปลาที่เหม็นคาว อย่างที่เด็กสมัยผมเคยถูกบังคับให้กิน) เช่น Krill Oil ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสสระและไม่เหม็นคาว เขาใช้สารตัวนี้รักษาโรคซึมเศร้า สมาธิสั้น ออทิซึม สำหรับนักมังสวิรัติ อาจจะหากรดไขมันโอเมก้า 3 กินในถั่ววอลนัท เม็ดแฟล็กซ์ ปอ หรือ สาหร่ายทะเล
4.ขมิ้นที่เราเอามาทำเครื่องแกง มีสาร Curcumin ต้านการอักเสบ ช่วยลดการเสื่อมของสมองจากโรคอัลโซเมอร์ได้ มี ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตไว้ว่าคนอินเดียมีอัตราการเกิดโรคอัลโซเมอร์ต่ำ ที่สุดในโลก อาจเป็นเพราะคนอินเดียมีการใช้ขมิ้นทำเครื่องแกงกินกันมากนั่นเอง
แหล่งข้อมูล : นิตยสาร - HealthToday, สุขภาพดี
ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
**************************************************
น้ำมันจมูกข้าวไรซานอล16(Ricezanol 16) |
ทีมนักวิจัย ร่วมกันสร้าง น้ำมันจมูกข้าวไรซานอล16(Ricezanol 16) ปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกันสมดุล
บำรุงสุขภาพผู้มีปัญหา มะเร็ง เบาหวาน ต้อหิน โรคผิวหนัง สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ หอบหืด
SLE เก๊าต์ รูมาตอยด์ พาร์คินสัน ไทรอยด์ ปลายประสาทอักเสบ ไขข้ออักเสบ สิวเรื้อรัง
กระเพาะอักเสบ กรดไหลย้อน ตับเสื่อม ไตวาย โรคหัวใจ(LDL)ฯลฯ
สั่งซื้อสินค้า โทร 083-8800726 , 086-1235242 , 081-7553411
หรือสั่งซื้อผ่านเว็บร้านค้าที่นี่
http://careshop.lnwshop.com/
**************************************************
อย. |
อย. 10-1-01949-1-0163 |
อย. 10-1-01949-1-0165 |
IQ และ EQ โดย USFDA คณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา กำหนดว่า " แม่ที่ตั้งครรภ์(Pregnancy) และแม่ที่กำลังให้นมบุตร(Lactatian) DHA วันละ 300 มก."
สั่งซื้อสินค้า โทร 083-8800726 , 086-1235242 , 081-7553411
หรือสั่งซื้อผ่านเว็บร้านค้าที่นี่
http://careshop.lnwshop.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น